
Mesotherapy
“เมโสเทอราปี” (Mesotherapy) คืออะไร
เมโสเทอราปี คือ การใช้เข็มเล็กๆ ฉีดตัวยาเข้าไปในผิวชั้นใน เรียก “เมโส” มาจากคำว่า Mesoderm แต่การกระจายของตัวยาอาจไม่ดีนัก จึงต้องใช้วิธีฉีดยาเข้าไปในผิวระยะห่างกันไม่เกิน 1 เซนติเมตร ดังนั้นการฉีดในแต่ละครั้งอาจจะต้องมีการแทงเข็มเข้าไปหลายสิบถึงหลายร้อยจุด
ตัวยามีหลากหลาย โดยตัวยาจะมีส่วนผสมขนานต่างๆ ซึ่งมีมากมายหลายหลาก เช่น สารอาหาร กลุ่มวิตามิน โคเอนไซม์ กรดอะมิโน โดยจะเลือกใช้ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ เช่น เพื่อสลายไขมัน เพื่อลดเซลลูไลท์ เพื่อยกกระชับ เพื่อบำรุงผิวให้หน้าใส หรือลดรอยเหี่ยวย่น เป็นต้น
กำเนิด Meso therapy
ถูกคิดค้นครั้งแรกเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1952 โดย Dr. Michel Pistor ซึ่งเป็นแพทย์ชาวฝรั่งเศส โดยในช่วงแรกๆ ได้มีการ นำเทคนิคนี้มาใช้กับการรักษา ความเจ็บปวดจากกล้ามเนื้ออักเสบ ข้ออักเสบ ความผิดปกติของประสาทข้อมือ ช่วยเรื่องอาการเครียด นอนไม่หลับ ปวดศีรษะไมเกรน การคลายกล้ามเนื้อ ต่อมาประมาณปี 1987 เทคนิคนี้ได้มีการใช้แพร่หลายมากขึ้นทั้งในกลุ่มแพทย์ทางยุโรปและอเมริกา โดยนำมาฉีดเพื่อแนวทางการรักษาด้านอื่นๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในแวดวงความงาม ที่รู้จักกันอย่างดี ก็คือ การฉีดสาร Botox เพื่อลดริ้วรอย เหี่ยวย่น จากกล้ามเนื้อหดเกร็ง ซึ่งถือว่าเป็นเป็นการ รักษาแบบ Mesotherapy แบบหนึ่งที่ FDA ของอเมริการได้รับรองผลแล้วเมื่อไม่กี่ปีมานี้
เทคนิค Mesotherapy ที่ใช้ในด้านเสริมความงามในปัจจุบัน
1. ใช้ในการลดไขมันส่วนเกิน และลดเซลลูไลต์ เป็นข้อบ่งชี้ที่นิยมกันมากสุด โดยเทคนิค Mesotherapy โดยการฉีดสาร หลักๆ คือ Phosphatidylcholine (สกัดจากถั่วเหลืองหรือไข่แดง) และวิตามินหลายชนิดเข้าไปยังบริเวณที่มีการสะสมของไขมัน ทำให้เกิดการขัดขวางการสะสมของไขมัน และกระตุ้นให้ไขมันสะสมถูกปล่อยออกมา เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และระบบต่อมน้ำเหลือง จึงทำให้เนื้อเยื่อโดยรอบแข็งแรงขึ้น กระชับขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งของสาวๆ ที่ต้องการมีรูปร่างที่ได้สัดส่วนขึ้นไม่ต้องเจ็บตัว หรือเสี่ยงกับผลข้างเคียงของการดูดไขมัน หรือยารับประทานลดน้ำหนัก
วิธีการ ฉีดสารในปริมาณ 0.2-0.5 ซีซี ต่อจุด ฉีดลึกไปประมาณ 5-10 ม.ม. ในบริเวณที่ต้องการ เช่น ท้องแขน สะโพก ต้นขา คาง โดยแต่ละจุดห่างกันประมาณอย่างน้อย 1-2 ซม. และมีการฉีดซ้ำทุกๆ 5-7 วัน
2. การลดริ้วรอย หน้าหมองคล้ำเพื่อคืนความอ่อนเยาว์และผิวหนังให้แข็งแรงขึ้น โดยการฉีดสารกลุ่มต้านอนุมูอิสระ เช่น วิตามินซี กรดอะมิโน น้ำหล่อเลี้ยงคอลลาเจนเข้าไปที่ผิวหน้า
วิธีการ มี 3 แบบ
- การสะกิดผิวหนังด้วยปลายเข็ม แล้วหยดสารลงไปให้ทั่วๆ หน้าและลำคอ
- การฉีดสารปริมาณน้อยๆ เข้าไปในชั้นผิวหนัง (Intra Dermis – ID) หลายๆ จุดทั่วใบหน้า หลังฉีดจะเห็นตุ่มเล็กๆ เหมือนยุงกัดทั่วหน้า
- การฉีดสารเข้าไปใต้ผิวหนังในตำแหน่งที่มีปัญหาเลย เช่น ฉีดเข้าไปใต้ฝ้า ฉีดเข้าไปใต้จุดที่รูขุมขนกว้าง การฉีดสลายไขมัน
- โดยสามารถทำซ้ำได้ทุกๆ 1-3 อาทิตย์ต่อครั้ง
3.การแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง จากความเครียด หรือขาดวิตามิน โดยได้มีการฉีดสารอาหาร และวิตามินสำหรับเส้นผม เข้าไปในหนังศีรษะด้วย และเทคนิคนี้ ได้มีการดัดแปลงมาใช้กับ ปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ หรือจากสาเหตุของฮอร์โมนเพศชาย DHT สูง โดยนำตัวยา Finasteride, Minoxidil.Biotin ฯลฯ ที่เดิมใช้เฉพาะในรูปของยาทา ยารับประทาน มาพัฒนาในรูปของยาฉีด ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น และได้ผลเร็วขึ้น บางที่นำมาดัดแปลงให้ในการปลูกขนคิ้ว หนวดเครา ให้ได้ผลมากขึ้นด้วยเสริมการทายาและรับประทานยาปลูกคิ้ว หนวดเครา
ได้ผลดีแค่ไหน
ขึ้นอยู่กับตัวยาที่ใช้
เทียบผลการรักษากับ Laser หรือ IPL ในกรณีทำหน้าขาวใส
การทำหน้าใสด้วย Laser หรือ IPL ผิวอาจดูนวลขึ้นในทันที แต่ไม่ขาวเท่าวิธีเมโส แต่ข้อดีที่แตกต่างของของ IPL และ Laser คือ สามารถกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินในละดับที่ลึกลงไป ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ ผิวแข็งแรงกว่าในระยะยาว แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำว่าทำได้ทั้งสองอย่าง โดยไม่จำเป็นต้องทำ IPL, Laser บ่อย ทำ 1 ครั้งแล้วเว้นไป 2-4 อาทิตย์จึงทำซ้ำ ในขณะที่ เมโสเทอราปี ทำได้ทุกอาทิตย์
ข้อแนะนำการทำ Mesotherapy
- ผู้หญิง ได้ผลดีกว่า ผู้ชาย เพราะ ชั้นใต้ผิวหนัง ของ ผู้ชาย ส่วนใหญ่เป็นพังผืด
- ในการฉีดสลายไขมัน ถ้าทำร่วมกับการนวดไม่ว่าจะด้วยมือ หรือ RF จะช่วยเพิ่มให้ผลการรักษาดีขึ้น
- หลังการรักษา ควรดื่มน้ำมากๆ และออกกำลังกายเบาๆ จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองและการขับของเสีย ซึ่งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น
ข้อห้ามในการทำ Mesotherapy มีดังนี้
- สตรีมีครรภ์
- คนไข้โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
- คนไข้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน
- คนไข้ที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง
- คนไข้ที่มีประวัติโรคหัวใจ และทำการรักษาด้วยยาหลายขนาน
ขั้นตอนการทำ Mesotherapy
- ทำความสะอาดผิวให้สะอาดปราศจากเครื่องสำอาง
- อาจทายาชา ถ้ากลัวเจ็บ แต่ถ้าไม่ทายาชา อาจใช้น้ำแข็งประคบก่อนฉีด
- แพทย์จะทำความสะอาดผิวหน้าด้วย Antispetic agent เช่น Hibitane หรือ Alcohol อีกครั้ง
- ทำการฉีดสารเข้าไปยังตำแหน่งที่จะทำการรักษา
- เพราะมีการแทงเข็มเข้าไป จึงอาจจะมีเลือดออกจากตำแหน่งรูเข็ม จึงมีการกดเลือดหยุดให้สนิท
- ทำความสะอาดใบหน้าอีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นกระบวนการ
- หลังทำ สามารถแต่งหน้าได้ตามปรกติ ปฏิบัติตัวได้ตามปรกติ ไม่มีข้อห้ามใดๆ ทั้งสิ้น
ข้อเสียและผลข้างเคียงที่พบได้ในการทำ Mesotherapy
- เจ็บตัว โดยจะมีอาการเจ็บปวดบ้างเล็กน้อย ขณะที่ทำและหลังทำ 2-3 ชั่วโมง
- พบเกิดอาการคันบริเวณที่ฉีดได้ ประมาณ 15-20 นาทีหลังฉีด
- หากเข็มไปจิ้มทำให้เส้นเลือดฝอยแตก กลายเป็นรอยฟกช้ำ กว่าจะหายก็หลายอาทิตย์หรือเป็นเดือน
- อาจจะปวดบวมแดง ในคนที่ฉีดเพื่อลดไขมันส่วนเกิน
- อาจจะเกิดการอักเสบ ติดเชื้อได้ ถ้าทำความสะอาดไม่ดีพอ ในบริเวณที่ฉีดต่าง